บริการสืบค้น
Custom Search
สวนสัตว์นครราชสีมา
02:23 | เขียนโดย
noui004 |
แก้ไขบทความ
สวนสัตว์นครราชสีมามีพื้นที่กว้างขวางถึง 545 ไร่ เป็นสวนสัตว์แบบซาฟารีกึ่งเปิดและปิดที่ทันสมัยได้มาตรฐานที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย คอกสัตว์กว้างขวาง จัดสภาพแวดล้อมให้สอดคล้องกับนิสัยสัตว์แต่ละชนิด ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ป่าแอฟริกา ที่น่าสนใจ ได้แก่ นกเพนกวิน แมวน้ำ ช้างแอฟริกา แรด เสือชีต้าห์ สิงโต ม้าลาย ยีราฟ เป็นต้น และยังมีอาคารจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลาน และสวนนกเงือก จึงเหมาะแก่การทัศนศึกษาเรียนรู้ชีวิตสัตว์และพักผ่อนหย่อนใจ ภายในสวนตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับสวยงาม มีบริการรถพ่วงวิ่งรอบบริเวณ รวมทั้งจักรยานให้เช่าอีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวันระหว่างเวลา 08.00-18.00 น. อัตราค่าเข้าชม เด็ก 10 บาท
ผู้ใหญ่ 30 บาท นักเรียน 5 บาท รถ 4 ล้อ 30 บาท สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0 4435 7355 หรือ website: http://www.zoothailand.org/
วัดป่าสาลวัน
02:20 | เขียนโดย
noui004 |
แก้ไขบทความ
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๗๔ หลวงชาญนิคมพร้อมด้วยบุตรภรรยา ได้สร้างวัดให้เป็นสำนักสงฆ์วัดหนึ่งท่านเจ้าคุณพระพรหมมุนี(ติสสเถระ) เจ้าคณะมณฑลนครราชสีมา ให้นามว่า "วัดป่าสาลวัน" เพราะบริเวณสร้างวัดนี้โดยมากเป็นป่าไม้เต็งรัง และที่อันนี้เป็นที่ดินสวนของหลวงชาญนิคม พื้นดินเป็นทราย ภูมิฐานสูงกลาง ห่างจากหมู่บ้านประมาณ ๓๐-๔๐ เส้น ห่างสถานีรถไฟโคราช ๓๐ เส้นเศษ
ทิศตะวันออก จดหนองแก้ช้างทิศตะวันตก จดทางหลวงทิศเหนือ ติดทางเกวียนทิศใต้ จดนาหนองรี
เมื่อสมัยย้อนหลังไปประมาณ ๓๐ กว่าปี วัดป่ายังเป็นป่าอยู่ ส่วนมากป่าไม้ไผ่ก็มากแต่เดี๋ยวนี้มีน้อยมาก บริเวณรอบวัด ภายนอกกำแพงเป็นทางเกวียนรอบวัด ทางศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน(ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัด)เมื่อก่อนเป็นป่าช้าทั้งหมด ทางด้านอนามัย(ทิศใต้ของวัด)เป็นทุ่งนา ซึ่งชาวบ้านเขาเอาดินเหนียวมาปั้นเป็นอิฐมอญเผาขายกัน เดี๋ยวนี้ เป็นหมู่บ้านโฮมแลน ส่วนด้านข้างเมรุหรือเมรุเผาศพ(ทุบทิ้งแล้ว) ปัจจุบันเป็นหนองน้ำเมื่อก่อนเขาเรียกหนองน้ำนี้ว่าหนองแก้ช้าง เดี๋ยวนี้ยังเป็นหนองอยู่ เมื่อก่อนบริเวณนี้เป็นป่าไผ่มากและเป็นหนองน้ำ อยู่ตรงกลางเป็นหนองเล็กๆ เท่านั้น แต่ปัจจุบันเป็นหนองใหญ่อยู่นอกกำแพงข้างเมรุ เมื่อก่อนจะมีกองเกวียนผ่านบริเวณแห่งนี้และควาญช้างนำช้างผ่านมาทางนี้เป็นประจำ จะมาพักอยู่บริเวณหนองน้ำนี้ ชาวบ้านจึงเรียกหนองนี้ว่าหนองแก้ช้างอยู่ทุกวันนี้ และรอบวัดก็จะผ่านเป็นประจำเหมือนกัน เมื่อก่อนบริเวณนี้เป็นป่าเปลี่ยวมาก
โบสถ์น้ำ (สิมน้ำ) ปัจจุบันเป็นบริเวณหนองแก้ช้าง หลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม ผู้ก่อตั้งวัดป่าสาลวันเมื่อก่อนไม่ค่อยมีคนมาทำบุญมากเหมือนปัจจุบัน พระก็ไม่มากเท่าไหร่ และประมาณ ๓ โมงเย็นก็ไม่มีใครกล้าเข้าวัดกันแล้ว รอบบริเวณวัดก็ไม่มีคนผ่าน รถก็ไม่ค่อยมี สิ่งที่เหลือภายในวัดตอนนี้ ศาลาไม้ หลังเก่าคือศาลาที่ใช้ทำวัตรเช้าเย็นเป็นประจำ หอระฆังเก่าและกุฏิอยู่ข้างหอระฆังเหลือประมาณ ๖ หลังด้วยกัน ส่วนศาลาเล็กนั้นลื้อไปหมดแล้วเหลือบันไดปูนและแท็งก์น้ำปูนเก่าข้างกุฏิห้าแสนหลังใหม่ ส่วนกุฏิหลวงปู่อ่อนหลังเก่าก็ลื้อไปหมดแล้วเหลือแต่หลังใหม่อยู่ ส่วนเสาธงเมื่อก่อนยังมีเสาและธงแต่ตอนนี้เหลืออยู่แต่ฐานเท่านั้น และที่เผาศพของหลวงปู่สิงห์ยังเหลืออยู่ข้างวิหารใหม่
ปัจจุบันวัดป่าสาลวันมีเนื้อที่ ๔๓ ไร่ ๑ งาน ๖๘ ตารางวา มีกุฏิ ๘๔ หลัง มีศาลาการเปรียญ วิหาร อุโบสถ สำนักงานสงฆ์ พระตำหนัก โรงครัว โรงไฟ ห้องเก็บพัสดุ วัดป่ามีอาณาเขตติดต่อดังนี้
ทิศตะวันตก จดทางสาธารณประโยชน์ที่ดินการรถไฟ
ทิศเหนือ จดทางสาธารณประโยชน์ที่ดินการรถไฟ
ทิศใต้ จดที่มีการครอบครองหนองแก้ช้าง
จำนวนพระภิกษุ สามเณรจำพรรษาที่วัดป่าสาลวันในแต่ละปี มีดังนี้
ปี ๒๕๓๘ พระภิกษุ ๗๘ รูป สามเณร ๖ รูป
ปี ๒๕๓๙ พระภิกษุ ๙๐ รูป สามเณร ๕ รูป
ปี ๒๕๔๐ พระภิกษุ ๕๐ รูป สามเณร ๒ รูป
ปี ๒๕๔๑ พระภิกษุ ๘๕ รูป สามเณร - รูป
ปี ๒๕๔๒ พระภิกษุ ๗๕ รูป สามเณร - รูป
ปี ๒๕๔๓ พระภิกษุ ๗๒ รูป สามเณร - รูป
ปี ๒๕๔๔ พระภิกษุ ๖๕ รูป สามเณร ๒ รูป
ลำดับเจ้าอาวาสวัดป่าสาลวัน
๑. พระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ (สิงห์ ขนฺตยาคโม)
๒. พระอาจารย์อ่อน ญาณสิริ
๓. พระสุธรรมคณาจารย์ (แดง ธมฺมรกฺขิโต)
๔. พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
๕. พระมงคลวัฒนคุณ (หลวงพ่อเพิ่ม) เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
ตั้งอยู่ในตัวเมือง หลังสถานีรถไฟนครราชสีมา เป็นวัดหนึ่งที่ได้เก็บรักษาพระบรมสารีริกธาตุ อัฐิธาตุของเกจิอาจารย์ที่เป็นที่เคารพบูชาของศาสนิกชนโดยทั่วไป คือ อาจารย์เสาร์ อาจารย์มั่น รวมทั้งอัฐิของอาจารย์สิงห์ อดีตเจ้าอาวาสที่ได้บุกเบิกสร้างวัดแห่งนี้
วัดป่าสาลวัน เป็นสถานปฏิบัติธรรมวัดหนึ่งที่สำคัญยิ่ง ของพระสงฆ์พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป ถือเป็นฐานปฏิบัติธรรมที่สำคัญมาอย่างยาวนานกว่า ๗๔ ปี ด้วยเป็นแหล่งรวมของพระปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานแห่งกองทัพธรรม
พระคุณเจ้าแต่ละรูปที่ได้ร่วมสร้างและถือปฏิบัติยังวัดป่าสาลวันแห่งนี้ ล้วนเป็นพระที่สร้างคุณูปการให้กับวงการศาสนาอย่างใหญ่หลวง อาทิ หลวงปู่เสาร์ กันตะสีโล หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม พระอาจารย์พร สุมโน และหลวงพ่อพุธ ฐานิโย พระคุณเจ้าทุกรูปดังที่กล่าวมานี้ล้วนแล้วแต่เป็นที่นับถือศรัทธาของสาธุชนอย่างไม่เสื่อมคลาย แม้จะมรณภาพละสังขารไปแล้วก็ตาม
ด้วยศรัทธาที่เปี่ยมในความเป็นอริยสงฆ์แห่งพระพุทธศาสนา จึงเป็นแนวคิดการก่อสร้างบูรพาจารย์เจดีย์ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ในเวลาต่อมา เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการระลึกถึงในวัตรปฏิบัติ และเป็นสถานที่กราบไหว้บูชาบูรพาจารย์แต่ละรูป พร้อมทั้งยังเป็นแนวทางประพฤติปฏิบัติอันเป็นแบบอย่างของสงฆ์และฆราวาสสืบไป
สำคัญที่สุด ณ บูรพาจารย์เจดีย์แห่งนี้ ยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระบรมสารีริกธาตุ อัฐิธาตุแห่งบูรพาจารย์และของหลวงพ่อพุธ เพื่อให้พุทธศาสนิกชน และประชาชนไว้เป็นที่เคารพกราบไหว้ เป็นเครื่องเตือนใจเตือนสติในแนวทางแห่งพระธรรมคำสอน อันจะส่งผลให้เกิดความสงบร่มเย็น ต่อสังคม
วัดศาลาทอง
02:10 | เขียนโดย
noui004 |
แก้ไขบทความ
ตั้งอยู่ที่ตำบลหัวทะเล ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ราว 1 กิโลเมตร เป็นวัดธรรมยุติ เดิมบริเวณวัดเป็นป่าทึบ และมีพระพุทธรูปนั่งองค์ใหญ่ ปางป่าเลไลยก์ ทำจากหินประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ต่อมาจึงได้สร้างพระอุโบสถครอบไว้ ในวัดนี้มีเจดีย์ใหญ่สร้างครอบเจดีย์องค์เดิมที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งอัญเชิญมาจากเชียงตุง
พระปางป่าเลไลยก์เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นประทับนั่งห้อยพระบาท พระหัตถ์ซ้ายคว่ำ พระหัตถ์ขวาหงายขนาด หน้าตักกว้าง ๓.๑๐ เมตร สูง ๕.๑๐ เมตร ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย พุทธศตวรรษที่ ๒๒ - ๒๓ ประดิษฐาน เป็นพระ พุทธปฏิมาประธานในพระอุโบสถ เดิมประดิษฐาน อยู่กล้างแจ้ง
ต่อมาเมื่อได้สร้างอุโบสถครอบองค์พระด้านหลังอุโบสถมีพระสัมมาสัมพุทธเจดีย์ศรีสิงหนาทเป็นเจดีย์ที่สร้างครอบองค์เดิมไว้ ภายในประดิษ ฐานพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งได้อัญเชิญมาจากเมืองเชียงตุง วัดศาลาทองเป็นวัดเก่าแก่โบราณ สร้างในสมัยขอมเรืองอำนาจ ตั้งอยู่บ้านหัวทะเล ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา มีเนื้อที่ประมาณ ๕๐ ไร่เศษ เดิมเรียกว่า "วัดป่าเลไลยก์" ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดป่าเลไลยก์ ทอง" เมื่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดฯให้สร้างเมือง "โฆราฆะปุระ" เป็นเมือง "นครราชสีมา" แล้ววัดนี้จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดศาลาทอง" สืบมาถึงปัจจุบัน
วัดศาลาลอย
19:37 | เขียนโดย
noui004 |
แก้ไขบทความ
ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมือง โดยแยกจากถนนรอบเมืองไปประมาณ 500 เมตร วัดนี้ตั้งอยู่ติดกับลำตะคองซึ่งไหลพาดผ่านตอนเหนือของตัวเมืองไปลงสู่แม่น้ำมูล ท้าวสุรนารีกับท่านปลัดสามีสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2370
จุดเด่นของวัดอยู่ที่พระอุโบสถซึ่งได้รับรางวัลดีเด่นแนวบุกเบิกอาคารทางศาสนา จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ และรางวัลจากมูลนิธิเสฐียรโกเศศและนาคะประทีป ในปี พ.ศ. 2516 เป็นอุโบสถที่สร้างแบบศิลปไทยประยุกต์ เป็นรูปสำเภาโต้คลื่น ใช้วัสดุพื้นเมืองคือกระเบื้องดินเผาด่านเกวียนนำมาประดับตกแต่ง เช่น ผนังด้านหน้าอุโบสถเป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ ผนังด้านหลังเป็นภาพตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ ส่วนบานประตูเป็นโลหะลายนูน ภาพเล่าเรื่องเวชสันดรชาดก (13 กัณฑ์) ภายในมีพระประธานปูนปั้นสีขาว ปางห้ามสมุทร เป็นพระพุทธรูปยืนประทับ ณ ประตูเมืองสังกัสนคร
หน้าประตูอุโบสถมีปูนปั้นรูปท้าวสุรนารีนั่งพนมมือกลางสระน้ำ ตัวอุโบสถล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วรูปเสมา สัญลักษณ์ของเมืองเสมาเดิม ด้านข้างมีสถูปขนาดเล็กซึ่งเคยใช้เป็นที่บรรจุอัฐิท้าวสุรนารี
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)